วันจันทร์, 17 มีนาคม 2568

รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงชี้แจงกรณี นัดส่งตัว 5 แกนนำนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีการจัดเสวนาและประชามติจำลองเกี่ยวกับ “สิทธิกำหนดอนาคตตนเองกับสันติภาพปาตานี้” ในวันที่ 17 มี.ค. 68

 วันนี้ (16 มีนาคม 2568) ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจงกรณีที่มีบุคคล/กลุ่มบุคคลได้มีการจัดงานเปิดตัว ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี โดยภายในงานได้มีการกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” รวมทั้งได้มีการจัดพิมพ์บัตรเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโซเชียลในประเด็น ” ให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย“ ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้สร้างความห่วงใยและความวิตกกังวล ต่อประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ในสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน พบว่า ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (pelajar Bangsa) ถือเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งจัดตั้งขึ้นจากการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และได้เคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่อง “สิทธิในการกำหนดใจตนเอง”(right to self determination) ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อองค์กรเป็นขบวนนักศึกษาแห่งชาติเมื่อ 31 พฤษภาคม 2566 โดยมี นายอิรฟาน อุมา เป็นประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ สำหรับการจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นั้น พบว่าเป็นการเปิดตัวขบวนนักศึกษาแห่งชาติ โดยมีนักการเมือง, สมาชิกพรรคการเมือง และนักวิชาการรวมทั้งเครือข่ายนักศึกษาเข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมจำนวนหนึ่ง

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่า ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำหนดนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการจัดกิจกรรมหรือการแสดงความคิดเห็น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสามารถแสดงออกในขอบเขตของกฎหมาย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ยึดถือหลักสุจริตเป็นที่ตั้ง โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รวมทั้งต้องเป็นการดำเนินการภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งที่ผ่านมากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ยึดถือนโยบายดังกล่าว ให้ความเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ ที่จัดกิจกรรมแสดงออกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หากมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ที่จัดกิจกรรมหรือแสดงออกที่เป็นการละเมิดต่อกฎหมายแล้ว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการให้ผู้ที่จัดกิจกรรมหรือผู้ที่แสดงออกนั้นได้รับโทษ ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องปรามตามหลักทฤษฎียับยั้งป้องกัน โดยใช้มาตรการตามกฎหมาย ซึ่งหากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าไม่ดำเนินการ ก็อาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ

 โดยการจัดกิจกรรมและการแสดงออกของบุคคล/กลุ่มบุคคล ในนามของขบวนนักศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พบว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้ระบุไว้ว่า ”ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” รวมทั้งเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือ ติชมโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 , ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 ดังนั้น จึงได้มอบหมายผู้แทนเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อแกนนำนักศึกษาทั้ง 5 คน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของบุคคล/กลุ่มบุคคลบางกลุ่ม รวมทั้งผู้ที่ถูกดำเนินคดี ได้พยายามออกมาตอบโต้ และกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายฟ้องร้องเพื่อปิดปาก และคุกคาม ผู้จัดกิจกรรมและผู้ที่แสดงออกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการร้องเรียนผ่านหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่า การดำเนินการต่อขบวนนักศึกษาแห่งชาติที่ผ่านมา มิได้มีจุดมุ่งหมายต้องการฟ้องร้องเพื่อปิดปาก หรือคุกคามต่อนักจัดกิจกรรมแต่ประการใด แต่เกิดจากเหตุผลที่ได้พบเห็นการกระทำความผิด จึงต้องแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุตามที่ได้กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมทุกประการ โดยผลการดำเนินคดีจะออกมาเป็นประการใด ก็อยู่ที่การสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งเป็นไปตามหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม อันเป็นหลักการสากลทั่วไป