วันที่ 14 มีนาคม 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรองอธิบดีกรมอนามัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กรมการข้าว และสำนักงานเกษตรจังหวัดปทุมธานี ได้เข้าเยี่ยมชมโครงการใช้นวัตกรรมสีเขียว “ระบบผลิตชีวมวลอัดเม็ดจากเศษวัสดุการเกษตรแบบเคลื่อนที่” ณ บริษัท วีอาร์พี ดีเวลลอปเม้นท์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งสร้างพลังงานสะอาด ลดปัญหามลพิษทางอากาศ และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว (BCG) และแนวทางเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะได้รับฟังการดำเนินโครงการฯ และเสนอให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ และเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมขับเคลื่อนโครงการฯ สู่ระดับประเทศ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน
จากการประชุมเบื้องต้น พบว่ามีพื้นที่เพาะปลูกที่สามารถนำนวัตกรรมนี้มาใช้เพื่อแปรรูปเศษวัสดุการเกษตรเป็นชีวมวลอัดเม็ดมากถึง 60 ล้านไร่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระบบผลิตชีวมวลอัดเม็ดแบบเคลื่อนที่จำนวน 10,000 ระบบ ด้วยงบประมาณ 150,000 ล้านบาท การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตชีวมวลอัดเม็ดเพื่อใช้เป็นพลังงานสะอาดทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดได้หลายหมื่นเมกะวัตต์ พร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม ลดผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีคาร์บอนข้ามแดน (CBAM) และช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องใช้วิธีการเผาเศษวัสดุการเกษตร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษฝุ่น PM2.5สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
โครงการนี้จะช่วยลดปัญหาสุขภาพของประชาชน โดยคาดว่าประชาชนกว่าล้านคนจะปลอดภัยจากโรคทางเดินหายใจ และลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรนับหมื่นรายต่อปี อีกทั้งยังช่วยป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 700,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ เกษตรกรยังมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้านบาทต่อปีจากการจำหน่ายชีวมวลอัดเม็ด สนับสนุนการปลูกไผ่ เพิ่มพื้นที่ป่า ลดความเสี่ยงภัยพิบัติ
นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการชีวมวลอัดเม็ดแล้ว ที่ประชุมยังได้สนับสนุนให้มีการส่งเสริมการเพาะปลูกไผ่ทดแทนพืชเศรษฐกิจเดิมในพื้นที่ลาดชัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรมากกว่าการเพาะปลูกพืชทั่วไป พร้อมกับเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ ลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก
เพื่อให้โครงการเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หลังผ่านความเห็นชอบจากทุกภาคส่วน เตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินโครงการดังกล่าว หลังจากนั้นจะมีการนำเสนอโครงการฯ ต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติและสั่งการให้ดำเนินการครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 จากการเผาเศษวัสดุการเกษตรอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
พลังงานสะอาดเพื่ออนาคต ประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างมั่นคง การขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมสีเขียวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ แต่ยังเป็นการปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคน
