
มรภ.สงขลา ลงนามความร่วมมือเรือนจำกลางสงขลา ผนึกกำลังร่วมพัฒนาและยกระดับการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง จัดเต็มงานช่างไม้ งานหัตถกรรม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า เสริมทักษะด้านดนตรี ศิลปะและวัฒนธรรม ฝึกทำอาหาร การทำเกษตร หวังพัฒนาศักยภาพให้เป็นที่ต้องการของตลาดงาน ส่งเสริมคนดีสู่สังคม

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ผศ.พิเชษฐ์ จันทวี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับเรือนจำกลางสงขลา นำโดย นายเพิ่มพล เธียรดุสิต ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา ณ ห้องประชุมหาดแก้ว เรือนจำกลางสงขลา โดยมี ผศ.ดร.บรรจง ทองสร้าง ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม และ นางสุวิสา อังสุภานิช ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มรภ.สงขลา และตัวแทนจากเรือนจำกลางสงขลา ในการพัฒนาและยกระดับการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังเรือนจำกลางสงขลาให้มีความทันสมัยและมีคุณภาพ โดยนำเอาองค์ความรู้ด้านวิชาการ นวัตกรรม เทคโนโลยี ศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาต่อยอด สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการวิชาชีพของเรือนจำให้มีคุณภาพ มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ทันสมัย เพิ่มมูลค่าและคุณค่าทางการตลาด
ตลอดจนออกแบบและผลิตสื่อ พัฒนารูปแบบการตลาดสมัยใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์และบริการวิชาชีพของผู้ต้องขัง เพื่อสร้างหลักประกันความสุขทางสังคม ว่าเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษจะสามารถประกอบสัมมาชีพและใช้ชีวิตได้ตามวิถีปกติ โดยไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ และเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาประเทศที่นำไปสู่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ให้มีผลใช้ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นต้นไป

สำหรับขอบเขตการดำเนินงานของ มรภ.สงขลา มีดังนี้
1. บูรณาการแผนงานโครงการภายใต้พันธกิจของมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้
2. ให้การส่งเสริมและสนับสนุนเรือนจำกลางสงขลาในการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ต้องขัง
3. ให้การสนับสนุนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ สื่อสารสนเทศ เอกสารทางวิชาการ เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและส่งเสริมทักษะอาชีพผู้ต้องขัง
4. บูรณาการความร่วมมือในการกำกับดูแล ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน เช่น การปรับทัศนวิสัย การส่งต่อผู้พ้นโทษ การส่งเสริมทุนพัฒนาการฝึกวิชาชีพ การตลาด การประสานผู้ประกอบการ เป็นต้น
5. ส่งเสริมกิจกรรมตามวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
6. ฝึกวิชาชีพช่างไม้และงานหัตถกรรม ให้ยกระดับทักษะฝีมือภายใต้อัตลักษณ์เดิมให้มีคุณภาพ และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ จำพวกของที่ระลึก โดยออกแบบสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาด้านศิลปะและวัฒนธรรมประจำถิ่นภาคใต้ หรือการผลิตชิ้นงานประเภท Do it yourself (DIY) ฯลฯ รวมถึงส่งเสริมด้านการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ของผู้ต้องขัง เป็นต้น

7.ฝึกวิชาชีพช่างตัดเย็บเสื้อผ้า พัฒนาต่อยอด ยกระดับทักษะฝีมือด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า ทั้งในมิติด้านการออกแบบดีไซน์ ทักษะการตัดเย็บ การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ การสร้างสรรค์ พัฒนาชิ้นงานที่มีอัตลักษณ์ ตลอดทั้งส่งเสริม สนับสนุน ให้มีพื้นที่แสดงผลงาน รวมถึงกิจกรรมด้านการตลาดอื่น ๆ
8. ฝึกวิชาชีพการทำขนมอบ หนุนเสริมความรู้และพัฒนาต่อยอดสร้างสรรค์ขนมที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ โดยอาจใช้วัตถุดิบของท้องถิ่นในการรังสรรค์ การออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์และส่งเสริมด้านการตลาด
9. ฝึกวิชาชีพการปรุงอาหาร และส่งเสริมสนับสนุนความรู้ด้านโภชนาการ สู่การเป็นเชฟมืออาชีพหรือการเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร เป็นต้น
10. เสริมสร้างทักษะด้านดนตรี ศิลปะและวัฒนธรรม โดยส่งเสริม สนับสนุน ทั้งมิติด้านความรู้ อุปกรณ์ และการเสริมสร้างประสบการณ์ทางด้านการเป็นศิลปิน
11. ฝึกวิชาชีพด้านเกษตร ส่งเสริม สนับสนุนองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการเกษตรและการแปรรูป พัฒนาต่อยอดความรู้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่งเสริมสนับสนุนด้านการตลาดและผลักดันเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือเป็นศูนย์การเรียนรู้ของราชทัณฑ์เขต 9 (7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง) ตลอดจนชุมชนและประชาชนทั่วไป
12. ผลักดันเรือนจำกลางสงขลาเข้าสู่ระบบภาคีเครือข่ายของ มรภ.สงขลา เพื่อให้เกิดการพัฒนาหนุนเสริมศักยภาพอย่างยั่งยืน

ประการสำคัญ การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในสังคมไทย ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชภัณฑ์ และเรือนจำ ทัณฑสถาน ในฐานะที่มีบทบาทในการแก้ไขฟื้นฟูและพัฒนาผู้ทำผิด มีเป้าหมายในการสร้างโอกาส และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ต้องขังด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพและขัดเกลาพฤติกรรม เพื่อให้โอกาสผู้ที่เคยกระทำผิดได้ปรับปรุงตนเอง ส่งเสริมคนดีสู่สังคม รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอาชีพ และพัฒนาศักยภาพให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน หรือสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ต่อไป

ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ เป้าหมายที่ 17 เสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.skru.ac.th/th/photo/2025030501