เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา รองศาสตราจารย์ ดร.ชินีเพ็ญ มะลิสุวรรณ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย พร้อมคณะนักวิจัยจากโครงการ Betong Net Zero และทีมผู้บริหารคณะวิทยาการจัดการ ได้มีโอกาสนำเสนอผลการวิจัยที่สำคัญแก่ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ณ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้ นอกจากรัฐมนตรีแล้ว ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมอีกหลายท่าน อาทิ พ.ญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรี, นายอำนาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, นายจรัส บำรุงเสนา ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, และคณะผู้บริหารจากสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ
ผลการวิจัยที่นำเสนอพบว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเส้นทางการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอำเภอเบตงสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดการในด้านต่างๆ เช่น การลดการปล่อยก๊าซจากที่พักได้ถึง 65%, การจัดการขยะ 50%, การเดินทาง 6% และอาหาร 3% ตามลำดับ ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือของหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เช่น เทศบาลเมืองเบตง, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา, สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานที่ 24 ยะลา, สำนักงานพลังงานจังหวัดยะลา, สมาคมการท่องเที่ยวเบตง และ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)
โครงการนี้ยังได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และมีการยืนยันว่าเป็นโมเดลที่สามารถนำไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาแบบยั่งยืน ท่านรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การพัฒนาทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แต่ยังมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อีกด้วย
รัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า “การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความสมดุลและยั่งยืนสำหรับชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพในการพัฒนาเชิงอนุรักษ์”
การท่องเที่ยวในอำเภอเบตงได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในเชิงบูรณาการ เพื่อตอบโจทย์ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน