วันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00 น. พันเอก อนุชา โนนคู่เขตโขง รองเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะฯ เดินทางไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามการฝึกเสริมสร้างขีดความสามารถ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรผู้นำ อส.จชต.) รุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นการฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถให้แก่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการปฎิบัติภารกิจให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งยังเสริมสร้างทักษะและศักยภาพด้านภาวะผู้นำให้ตลอดจนสามารถต่อยอด และถ่ายทอดความรู้จากการฝึกให้กับสมาชิกนายอื่น ๆ ได้อย่างครอบคลุม ในโอกาสนี้รองเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้พบปะ พูดคุย รับทราบการปฏิบัติงานที่ผ่านมา พร้อมสอบถามปัญหาข้อขัดข้อง และร่วมหารือแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยมีผู้แทนสำนักอำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมติดตามคณะฯ และมีผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่, ปลัดอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ร่วมให้การต้อนรับ
พร้อมกันนี้ รองเลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์ การปฏิบัติงาน ของชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการปฎิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา เพื่อรับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง และร่วมกันหารือแนวทางแก้ไขปัญหาจากการปฏิบัติงาน พบปะกำลังพลและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
ในโอกาสนี้รองเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้นำข้อห่วงใยจาก พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะผู้บังคับบัญชา มายังเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่ พร้อมกล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ภาพรวมมีความเข้มแข็ง โดยกำชับกำลังพลทุกนายต้องทำการลาดตระเวนเส้นทางตลอดเวลา รู้จักสังเกต วิเคราะห์ วางแผนการปฏิบัติงานให้รอบคอบ และต้องเตรียมพร้อมร่างกาย และจิตใจอยู่เสมอ ปรับแผนปฏิบัติงานอยู่ตลอดเวลา ต้องหมั่นซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้จริง ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ รวมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยสูงสุด