วันนี้ (7 มิถุยายน 2567) เวลา 08.40 น. ณ ลานพื้นแข็ง ศาลาสุริโยทัย กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” Hop to the bodies Slam ประจำปี 2567 ในโอกาสนี้ ได้ให้โอวาทแก่ผู้เข้าแข่งขัน อีกทั้งพบปะพูดคุย ให้กำลังใจ ซึ่งมีกำลังพลในหน่วยขึ้นตรงของกองพลทหารราบที่ 15 เข้ารับการฝึกเพื่อเตรียมการแข่งขัน ตรวจสอบและประเมินผลในระดับกองทัพไทยต่อไป โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15, พันเอก พสิษฐ์ ชาญเลขา รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46 ตลอดจนผู้บังคับบัญชา เข้าร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
สำหรับการฝึกทางทหารประกอบดนตรีหรือราชวัลลภเริงระบำนั้น มีลักษณะการปฏิบัติท่าฝึกทางทหารประกอบเข้ากับจังหวะของดนตรี ซึ่งจะทำให้ผู้รับการฝึกรู้สึกผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการผ่อนคลายที่อยู่ในกรอบในระเบียบ การฝึกจะเป็นการฝึกร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธาความรักความสามัคคีในหมู่ทหาร ตามพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานคำสอนแบบการฝึกพระราชทานการฝึกทางทหารประกอบดนตรีหรือราชวัลลภเริงระบำ โดยทรงพระราชทานวัตถุประสงค์ไว้ 3 ประการ คือ เป็นการออกกำลังในลักษณะการออกกำลังอย่างต่อเนื่อง, การยืดหยุ่นร่างกาย และสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเมื่อมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ กองทัพไทยจึงได้กำหนดให้มีการขยายผลการฝึกทางทหารประกอบดนตรี โดยจัดให้มีการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวแทนของหน่วยระดับกรมให้เป็นตัวแทนระดับกองทัพภาค แข่งขันตรวจสอบระดับกองทัพบก และกองทัพไทย
ทั้งนี้ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “ขอให้ผู้เข้ารับการแข่งขันทุกนายได้น้อมนำหลักคำสอนตามแบบฝึกพระราชทานมาฝึกปฏิบัติอย่างภาคภูมิใจ และให้ตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความเข้มแข็งอดทน ผ่านพ้นทุกอุปสรรคไม่ว่าจะร้อน หรือเหนื่อยขนาดไหน แต่ก็ขอให้ภูมิใจเนื่องจากผู้เข้ารับการแข่งขันทุกนายคือตัวแทนของกองพลทหารราบที่ 15 จงภูมิใจในตัวเอง และทำออกมาให้ได้ดีที่สุด ขอให้กำลังพลทุกส่วน ทุกฝ่าย นำความภาคภูมิใจมาสู่กองพลทหารราบที่ 15 และกองทัพภาคที่ 4 เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่กรม กอง ของตัวเองต่อไป”