วันพฤหัสบดี, 26 ธันวาคม 2567

ไทยเวียตเจ็ทขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง สายการบินที่ขนส่งผู้โดยสารมากที่สุดในไทย

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 – สายการบินไทยเวียตเจ็ทก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดการบินภายในประเทศ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง สายการบินที่ขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางอากาศมากที่สุดในไทย ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 จากรายงานสถิติขนส่งทางอากาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

จากรายงานสถิติขนส่งทางอากาศไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สายการบินไทยเวียตเจ็ทมีสัดส่วนขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศ 25.6% ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งสายการบินสัญชาติไทยที่มีการขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศแบบประจำมีกำหนดมากที่สุด นอกจากนี้ ในไตรมาสเดียวกัน สายการบินฯ ยังครองส่วนแบ่งด้านปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศมากที่สุด โดยมีสัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศถึง 42.2% ยังผลให้สายการบินไทยเวียตเจ็ทขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งสายการบินที่ขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าทางอากาศมากที่สุดในไทยเป็นครั้งแรก

แม้อุตสาหกรรมการบินจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างหนักในระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา ทว่า สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังคงมุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศอย่างเข้มแข็งในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา โดยขยับขึ้นจากอันดับสองในปี 2563 นอกจากนี้ สายการบินฯ ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำฟื้นฟูตลาดการบินภายในประเทศ เดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างไม่หยุดยั้งตลอดปี 2564 กระทั่งขึ้นเป็นสายการบินที่มีจำนวนเที่ยวบินมากที่สุดในเส้นทางบินที่สายการบินฯ ให้บริการ มอบตัวเลือกการเดินทางที่มากขึ้นแก่ผู้โดยสาร กระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สายการบินฯ ฉลองจำนวนผู้โดยสารครบ 10 ล้านคน ปักหมุดหมายสำคัญของสายการบินฯ ภายหลังการฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการดำเนินงานเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา

สายการบินไทยเวียตเจ็ทเริ่มให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์เที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 และได้ขยายขนาดฝูงบินอย่างต่อเนื่องกระทั่งมีจำนวนอากาศยานในฝูงบินถึง 16 ลำในปัจจุบัน สายการบินฯ มุ่งมั่นเป็นผู้นำตลาดการบินภายในประเทศ พร้อมให้บริการผู้โดยสารด้วยความปลอดภัยในระดับสูงสุดระหว่างการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 โดยดำเนินมาตรการทำความสะอาดและฆ่าอบเชื้อภายในอากาศยานอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานทุกคน