
วันนี้ (26 เมษายน 2568) เวลา 09.30 น. ที่บัญชาการทางยุทธวิธี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ภาพรวมความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ หลังยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ครู พระภิกษุ ผู้นำศาสนา และประชาชน พร้อมยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพรัดกุมยิ่งขึ้น เช่น พื้นที่รอยต่ออำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา กับอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี, อำเภอแว้ง และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์และดูแลความปลอดภัยของประชาชน ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา , ผู้แทนฝ่ายอำนวยการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์

โดย พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่าเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลทุกนายสามารถปฏิบัติภารกิจได้สุดกำลังความสามารถ ขอให้ทุกคนทำงานมุ่งมั่นทุ่มเท ตรงเป้า ตรงจุด ใช้สติ ปัญญา คิด วางแผน ด้วยความห่วงใยและขอส่งกำลังใจถึงทุกคนจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับมายังทุกท่าน เพื่อทุกภารกิจบรรลุผลสำเร็จ และขอให้ทุกท่านพึงระลึกเสมอว่า ทุกคนคือเพื่อนร่วมชีวิต เพื่อนร่วมคิด ร่วมใจแก้ปัญหา และขวัญกำลังใจ คือพลังและ ศักยภาพที่สำคัญ ส่งผลให้ทุกภารกิจมีความปลอดภัย และบรรลุผลสำเร็จอย่างแท้จริง สำหรับการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีต่าง ๆ ให้รวบรวมพยานหลักฐานและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ถูกหล่อหลอมจากการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งทำลายความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ายึดถือวิธีปฏิบัติในการตรวจค้น และการกักตัวบุคคลที่ต้องสงสัยตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 และระเบียบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ว่าด้วยวิธิการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กำชับการดำเนินการทุกขั้นตอนต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ย้ำทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติจริงจังต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เน้นภาคประชาสังคมในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมปฏิบัติอย่างประสานสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน สะกัดกั้นเพิ่มมาตรการป้องกันพื้นที่ชุมชน พื้นที่รอยต่อ พื้นที่ป่าเขา คุมเข้มเส้นทางสัญจรให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ร่วมกับอาสาสมัครประจำพื้นที่ ขอให้กำลังพลทุกนายต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตนเองเสมอ ก่อนทุ่มเท เสียสละ ดูแลพื้นที่อย่างสุดกำลังความสามารถ ต้องคิด วิเคราะห์ ประเมินแก้ไข ให้ดียิ่งขึ้น ย้ำการบังคับใช้กฎหมายต้องรัดกุม รอบครอบ อยู่บนพื้นฐานข้อกฎหมาย มีความยุติธรรม ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด เน้นการปฏิบัติเชิงรุก ต้องรัดกุม ให้ทำการลาดตระเวรเพื่อสะกัดกั้นการหลบหนีข้ามพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติ ควบคู่กับการป้องกัน ป้องปรามขนย้ายสิ่งของผิดกฎหมายและยาเสพติทุกชนิด ส่วนงานมิติงานสร้างความเข้าใจใช้ “สภาสันติสุขตำบล และ ฮูกุมปากัต” พัฒนาพื้นที่ ควบคู่การดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์ต้องสร้างความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชนตรวจสอบและโปรดใช้วิจารณญาณ กลั่นกรองก่อนการรับข้อมูลข่าวสาร และขอให้เชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยังคงมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่

จากนั้น พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 2 อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อกำชับ รับทราบปัญหาข้อขัดข้องการปฏิบัติภารกิจตามนโยบายผู้บังคับบัญชา ย้ำใช้การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวต่อเนื่อง ต้องบูรณาการร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน เน้นเสริมขีดความสามารถให้อาสาสมัครประจำพื้นที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยร่วมกัน เฝ้าระวัง มุ่งเน้น พื้นที่เสี่ยง พื้นที่ติดป่าชายขอบ ทำการควบคุมจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม และสร้างความเข้าใจต่อการปฏิบัติภารกิจแก่พี่น้องในพื้นที่ และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ในการนี้ยังได้นำเครื่องอุปโภค บริโภคมอบแก่กำลังพลแทนความห่วงใยให้กำลังใจในการปฏิบัติภารกิจ

ขณะเดียวกัน รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะฯ ลงพื้นที่บัญชาการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ณ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11 ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา พร้อมหารือข้อขัดข้อง นำข้อผิดพลาดแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนบูรณาการทำงานดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ปลอดภัย หลังผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงพยายามสร้างสถานการณ์ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์

ก่อนเดินทางกลับ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่กองบังคับการหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาส 33 ซึ่งเป็นที่บัญชาการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เข้าติดตามความคืบหน้าการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตาม พร้อมกำชับ ให้บูรณาการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ เน้นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และประชาชนมีส่วนร่วมดูแลพื้นที่ รวมกันสอดส่องดูแลบ้านเกิดให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขอให้หน่วยมีการปรับภารกิจให้เหมาะสม กับสถานการณ์ ให้พร้อมรับมือต่อสถานการณ์ปัจจุบันทันที ย้ำความสำเร็จของแผนปฏิบัติ คือ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดกำลังความสามารถ และมีกลไกสำคัญยิ่งก็ คือ ผู้บังคับหน่วยทุกระดับตั้งแต่ผู้บังคับกองร้อย ต้องกำกับดูแล และ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุต่อพี่น้องประชาชน เน้นปฏิบัติการเชิงรุก ต้องปรับเปลี่ยนเทคนิค ห้ามประมาท ยับยั้ง จำกัดเสรี ผู้ก่อเหตุ และผู้สนับสนุนผูัก่อเหตุ อย่างสุดกำลังความสามารถ พร้อมกล่าวขอบคุณชื่นชมในการทุ่มเทเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกนายที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง กำชับทุกภาคส่วนต้องร่วมกันระดมสมอง ระดมแนวคิด โดยใช้หลักการทางการทหาร ควบคู่การสืบขยายตัวบุคคล ทุกคนต้องมีปฏิภานไหวพริบอยู่เสมอ จุดตรวจจุดสกัดต้องคุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง