วันนี้ ( 23 พฤษภาคม 2567 ) เวลา 10.30 น. ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส นาย สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจ อส. ที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย จากเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติรักษาความปลอดภัยครูพื้นที่ อำเภอ เจาะไอร้อง และ อำเภอสุคีริน ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ก่อนประชุมติดตามงานด้านความมั่นคง และการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ,ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9,เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหสัดชายแดนภาคใต้ ,ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ นราธิวาส พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ และติดตามคณะ
โดยจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขณะคุ้มครองครูพื้นที่ ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวและอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลนราธวาสราชนครินทร์อย่างใกล้ชิด จำนวน 5 นาย คือ หมู่โท อดือนัน มะดิง , สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน มาฮาเดร์ มามะ , สิบเอก วุฒิศักด์ ชูบุญศร , สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ลุกมัน เง๊าะ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน รีดูวัน แวบือสา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำกระเช้าเยี่ยมแสดงความห่วงใยจาก นายกรัฐมนตรี และผู้บังคับบัญชามาถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเรื่องสิทธิสวัสดิการของกำลังพลให้เร็วที่สุด พร้อมกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละ ทั้งนี้ในนามของรัฐบาล ตลอดจนผู้บังคับบัญชาทุกคนขอนำความห่วงใยและความปรารถนาดีมาสู่เพื่อนข้าราชการและครอบครัวที่ได้รับบาดเจ็บทุกนาย พร้อมระบุผู้บังคับบัญชาพร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมจะอำนวยความสะดวกเมื่อเกิดปัญหา โดยย้ำทุกฝ่ายเร่ง ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด
จากนั้น นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะฯ เดินทางไปยังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และรับฟังบรรยายสรุป สถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา พร้อมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะ ก่อนจะพบปะและมอบนโยบายให้แก่กำลังพล ในโอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับหน่วย เพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจให้แก่กำลังพล
นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่จะรับมือกับสถานการณ์ในพื้นที่นั้นยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพภาคที่ 4 และเครือข่ายจากทุกภาคส่วนที่ร่วมปฏิบัติงาน ซึ่งเราเชื่อในประสบการณ์และเชื่อมั่นในข้อมูล เนื่องจากหน่วยต่างๆเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานจริงในพื้นที่และเข้าใจบริบทของพื้นที่เป็นอย่างดี จากที่ได้หารือกัน หน่วยก็มีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีที่ในการปฎิบัติ ซึ่งเรามั่นใจว่าน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ สถิติการก่อเหตุ ถ้าเทียบกับเมื่อปีที่แล้วดูเหมือนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นน้อยกว่า แต่ความสูญเสียอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก็ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจนัก จึงได้เน้นย้ำกำลังพลไปว่าต้องไม่ประมาท โดยเฉพาะทางหน่วยที่ตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุมากขึ้นตอนนี้ก็คือ อส. เพราะเป็นคนในพื้นที่อาจมีความประมาท คิดว่าบ้านตัวเองไม่มีปัญหาอะไร ประการที่สองคือวิธีการปฏิบัติงานต้องปรับเปลี่ยน อะไรพลาดต้องนำมาแก้ไขโดยเร็ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เจ้าหน้าที่อส. เนื่องจากการฝึกฝนทักษะต่างๆ อาจจะยังไม่เข้มข้นเท่ากับทหาร ฉะนั้นจึงมอบให้ทางทหารช่วยดูแล ช่วยฝึกเพิ่มเติม เช่นการไปปฎิบัติหน้าที่นอกฐานที่ตั้ง, การปฎิบัติงานรักษาความปลอดภัยชุดคุ้มครองครู ตลอดจนภารกิจอื่นๆนอกฐานที่ตั้ง สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าทางฝ่ายทหารจะมีการแนะนำและฝึกให้ อส. มีความเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่มันคือความร่วมมือของทุกหน่วยงาน ด้วยการทำงานกันอย่างประสานสอดคล้อง
ขณะที่ พลโท ศานติฯ ระบุว่า สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อ เกิดจากการกระทำของกลุ่มขบวนการที่ใช้ความรุนแรง ทั้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐ บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ส่งผลให้เกิดการสูญเสีย อีกทั้งห้วงหลังนี้ยังมุ่งทำลายระบบสาธารณูปโภค ทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อย่างกว้างขวางอีกด้วย และสำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา ภาครัฐพยายามสร้างความเข้าใจ สร้างหลักประกันความเชื่อมั่น ด้วยการมีส่วนร่วมแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งอย่างสันติวิธี สร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูล หนุนเสริมกระบวนการพูดคุย ยืนยันในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตอบสนองต่อนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อความมั่นคงของชาติและประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนชาวไทยตลอดไป