วันอาทิตย์, 22 ธันวาคม 2567

“รมช.เดชอิศม์” ผลักดันเต็มที่สร้างโรงพยาบาลหาดใหญ่ 2 แนะเร่งสรุปเรื่องสถานที่สร้างให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันจัดสรรงบเริ่มโครงการในปี 69

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรมนิวซีซั่นสแควร์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลานายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ร่วมด้วยนางสาวสุภาพร กำเนิดผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงาน รับฟังข้อเสนอแนะการผลักดัน “โครงการพัฒนาเมืองสุขภาพ (Healthy City) โดยมีโรงพยาบาลหาดใหญ่ 2 เป็นศูนย์กลางพัฒนา”

โดยมี นพ.สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 12 นพ.กู้ศักดิ์ บำรุงเสนา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหาดใหญ่ นายพงษ์ศักดิ์ นิติการุญ ผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข บุคลากรสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง เครือข่าย และผู้สนใจ ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อ “โครงการพัฒนาเมืองสุขภาพ (Healthy City) โดยมีโรงพยาบาลหาดใหญ่ 2 เป็นศูนย์กลางพัฒนา” เพื่อรองรับการพัฒนาโรงพยาบาลและเมืองหาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งนำเสนอโดยนายสิทธิศักดิ์ ตันมงคล เลขาธิการสภาเศรษฐกิจหาดใหญ่และคณะ

สำหรับวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการนี้ คือผลักดันการก่อสร้างโรงพยาบาลหาดใหญ่ 2 มีการนำเสนอจากหลายภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ที่ต้องรับการส่งต่อผู้ป่วยทั่วภาคใต้ตอนล่าง และรองรับการบริการประชากรในอำเภอหาดใหญ่ ที่มีมากกว่า 4 แสนคน และประชากรจังหวัดกว่า 1.4 ล้านคน โดยในครั้งนี้มีสภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ เป็นแม่งานขับเคลื่อนและดำเนินการศึกษาข้อมูล สถานที่เหมาะสมมานานกว่า 1 ปี

นายเดชอิศม์ ขาวทอง กล่าวว่า “เห็นด้วยกับการสร้างโรงพยาบาลหาดใหญ่ 2 วันนี้ได้มอบหมายให้คณะผู้สรรหาเร่งสรุปเรื่องสถานที่ก่อสร้างให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ทันการจัดสรรงบประมาณปี 2569 มาเริ่มดำเนินโครงการในระยะที่ 1 เพื่อให้โครงการเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมให้ได้โดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ทางกระสาธารณสุข ยังมีโครงการยกระดับโรงพยาบาลในแต่ละมุมเมืองของจังหวัดให้มีศักยภาพ ลดการส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลหาดใหญ่ เสริมสร้างการดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นทาง เพื่อป้องกันโรค NCDs ส่งเสริมการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เพื่อให้คนไทยสุขภาพดีซึ่งสามารถช่วยลดความแออัดของมาโรงพยาบาลได้”