วันที่ 31 มีนาคม 2568 หลังจุฬาราชมนตรี ได้ประกาศกำหนด (วันที่ 31 มีนาคม 2568) คือวันเฉลิมฉลองฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริของพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ ภายหลังถือศีลอดตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่รุ่งเช้า เวลา 06.00 น. มีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเป็นจำนวนมาก ทยอยเดินทางไปเยี่ยมเยียนกุโบร์ (สุสาน) ของบรรพบุรุษกันอย่างคึกคัก โดยชาวมุสลิมได้มีการพาลูก ๆ ที่เป็นผู้ชายไปร่วมกันทำความสะอาด เก็บเศษใบไม้และพงหญ้าที่ขึ้นบริเวณที่ตั้งหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ และญาติพี่น้องของตัวเอง พร้อมทั้งได้ร่วมอ่านอัลกุรอาน รำลึกถึงพระเจ้า และสวดดุอาอ์ให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนลูกผู้หญิงและแม่จะเตรียมทำอาหารเพื่อต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้าน
จากนั้น เวลา 07.00 น. พี่น้องชาวไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี จำนวนมากเดินทางร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริ ตามที่มัสยิดต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่นเดียวกับบรรยากาศที่มัสยิดรายอ ตำบลจะบังติกอ อำเภอเมือง มีชาวไทยมุสลิมทั้งชาย หญิงและเด็ก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ หรือชุดสะอาดอย่างสวยงาม เดินทางมาร่วมละหมาดอย่างพร้อมเพรียงกัน ทามกลางบรรยากาศรอยยิ้มและมีความสุข หลังเสร็จสิ้นการละหมาดนั้น พี่น้องชาวไทยมุสลิมร่วมฟังการอ่านคุตบะฮ (ฟังธรรมเทศนา) ในเรื่องการให้อภัยซึ่งกันและกัน
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทุกคนร่วมสลามทักทายกัน สวมกอด ขออภัยซึ่งกันและกันในสิ่งที่กระทำผิดไป ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงร่วมแจกเงิน และขนมให้แก่เด็ก ๆ ที่มาร่วมละหมาดด้วย ก่อนได้แยกย้ายกันกลับบ้านไปหาครอบครัว ร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข พร้อมทั้งนำอาหารต่าง ๆ ของแต่ละบ้าน นำไปแจกจ่ายแบ่งปันซึ่งกันและกันให้กับเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม วันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริ ถือเป็นวันสำคัญของชาวไทยมุสลิม ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนที่ทำงานต่างจังหวัด ต่างพากันเดินทางกลับมายังบ้านเกิดของตนเอง เพื่อเฉลิมฉลองวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริร่วมกับครอบครัวและญาติพี่น้อง เพื่อแสดงความรักและขออภัยซึ่งกันและกันในสิ่งที่กระทำผิดไป
