วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้ปฏิบัติธรรม ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไปปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย – เนปาล ประจำปี 2567 เดินทางถึงเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย เข้าสักการะพระสมเด็จพระพุทธนวมินทรศาสดา ปิติกับองค์พระใหญ่ ณ วัดนวมินทรธรรมมิกราช เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติและแสดงความกตัญญูต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) แห่งประเทศไทย โดยชื่อ “นวมินทรศาสดา” หมายถึงพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งในพระชนมพรรษาที่ 9 ของรัชกาลพระองค์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวพุทธ ทั่วโลกที่เดินทางมาแสวงบุญยังประเทศอินเดียซึ่งถือเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ที่ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณระหว่างไทยและอินเดีย ซึ่งมีความผูกพันมายาวนานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางศาสนา
ทั้งนี้พระพุทธนวมินทรศาสดา ตั้งอยู่บนเขาเขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดพำนักที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในกรุงราชคฤห์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเหตุการณ์ที่สำคัญต่อศาสนาพุทธ ณ กรุงราชคฤห์ ตั้งอยู่ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เขาแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ยอดเขาเหยี่ยว เนื่องด้วยเขามีลักษณะเหมือนนกพับปีก
จากนั้นคณะผู้ปฏิบัติธรรม ฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชม วัดเวฬุวัน หรือ วัดเวฬุวนาราม ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของโลก ที่พระเจ้าพิมพิสาร สร้างถวายพระพุทธองค์และพระสงฆ์ 1,250 รูป ล้วนเป็นเอหิภิกขุมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย เรียกว่า “มาฆบูชา”
ต่อมาในช่วงบ่ายคณะฯ ได้เดินทางไปยังเมืองนาลันทา เพื่อเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อพุทธองค์ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียวที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย จึงมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่นับถือของชาวพุทธ – ฮินดู นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชม มหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ แห่งแรกของโลก ที่เคยรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในสมัยอดีต มีนักเรียนนักศึกษาทั่วทุกมุมของโลกต่างเดินทางมาเพื่อศึกษาเล่าเรียน ถือเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
อย่างไรก็ตามภายหลังจากการสิ้นเสร็จภารกิจการปฏิบัติธรรม ฯ และเยี่ยมชมสถานที่ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้กล่าวถึงความรู้สึกและความประทับใจที่ได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่อยู่ที่นี่ ได้เรียนรู้ความเป็นมาและต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าที่สำคัญ โดยเฉพาะเขาคิชฌกูฏซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเหตุการณ์ที่สำคัญต่อศาสนาพุทธ อีกทั้งยังได้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านเป็นของที่ระลึกด้วย สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นต้องขอบคุณรัฐบาล โดยเฉพาะ ศอ.บต. ที่ได้ยื่นโอกาสกับคนเปราะบางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้มาเยือนพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา นับเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก
ด้านนางเปรมวดี ขวัญเพชร ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงพาณิชย์) ได้กล่าวในภาพรวมของการเดินทางครั้งนี้ว่า เป็นการเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่ที่สำคัญเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งทางคณะผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมดขณะนี้ร่างกายแข็งแรง สดใส มีความสุขและมีความประทับใจในสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้มาเยือน
