เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 1330 น. ที่ อาคารสำนักงานเทศบาลตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย คุณสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 15 และคณะ เดินทางลงพื้นที่ เพื่อตามรอยพื้นที่ทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งเสด็จปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ในพื้นที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
โดยเมื่อย้อน 65 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) โดยได้เสด็จพระราชดำเนินมายังอาคารที่ว่าการอำเภอนาทวี ซึ่งปัจจุบันได้ใช้เป็นอาคารสำนักงานเทศบาลตำบลนาทวี อาคารดังกล่าวมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นทางเทศบาลตำบลนาทวี รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้จัดตั้งงบประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารหลังนี้ให้มีสภาพที่มั่นคงแข็งแรงคู่กับเทศบาลตำบลนาทวี และชาวนาทวีต่อไป ตลอดจนยังคงเป็นภาพจำ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงประทับอยู่เคียงข้างกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งทรงโบกพระหัตถ์ตอบพสกนิกรชาวไทยที่ไปคอยเฝ้ารับเสด็จ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของคนไทยไม่รู้ลืม ไม่ว่าในหลวงจะทรงไปแห่งหนใด พระราชินีจะเสด็จตามพระองค์ไปทุกที่
นาง พูลศรี กระจ่างพัฒน์วงษ์ อายุ 70 ปี และ ดร.นงลักษณ์ ประทีปทอง อายุ 74 ปี สองพี่น้องชาวนาทวี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 1 ถนนจิตรเที่ยง ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นประชาชนผู้ได้เข้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นเมื่อเสด็จปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ณ วัดในวัง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2539 เข้ารับโล่ ในพิธีพระราชทาน เสาโล่เหรียญพระเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และร่วมพัฒนาชุมชน ณ มณฑลพลับพลาพิธีพระมิ่งขวัญเมืองหลักชัยนาทวี โดยมีทั้งสองพี่น้อง มีความปลาบปลื้ม ปิติ เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ตนเองได้เข้าเฝ้ารับเสด็จ เป็นครั้งแรก เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นี้ ตนเองในฐานะของชาวนาทวี ขอเป็นตัวแทน กล่าวอวยพร โดยขอให้ พระองค์มีพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ อายุยิ่งยืนนาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว และคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อตามรอยพื้นที่ทรงงาน ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งเมื่อ วันที่ 12 กันยายน 2527 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด โรงพยาบาลนาทวี และพระราชทานนาม โรงพยาบาลนาทวีใหม่ เป็น “ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา “ และ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร (พระนามเดิม) เสด็จเปิดตึกเฉลิมพระบารมี ครบ 5 รอบ (อเนกประสงค์ อภิสสุภาโว) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2531 ในการนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียวได้ติดตามการดำเนินการจัดทำป้าย และรั้วล้อมต้นไม้ทรงปลูก จำนวน 5 ต้นได้แก่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูก ต้นหมากนวล จำนวน 2 ต้น ปลูกเมื่อ 12 กันยายน 2527 , สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูก ต้นตะเคียนทอง จำนวน 2 ต้น ปลูกเมื่อ 16 สิงหาคม 2528 และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกต้นไม้พยูง จำนวน1 ต้น ปลูกเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งต้นไม้ทรงปลูก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ทางใจให้ประชาชนได้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงสภาพไม่ให้เสื่อมโทรม เป็นระเบียบ สง่างามให้อยู่คู่กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นี้ ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ตลอดจนมุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีความรู้ความเข้าใจข้อมูลสถาบันหลักของชาติที่ถูกต้อง ได้รับทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ปวงประชา ผ่านหลายพันโครงการฯ ยังคงเจริญงอกงาม ทั่วสารทิศ หล่อเลี้ยงทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่งบนผืนดินไทย ซึ่งพระบรมราโชวาท และพระราชดํารัสที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ทุกฝ่าย ยึดถือปฏิบัติเป็นแนวทางสําคัญที่เป็นภูมิคุ้มกันให้พสกนิกรสามารถดําเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง ด้วยสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักขอสืบสานพระราชปณิธานด้วยความจงรักภักดี มุ่งมั่น เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท และร่วมกันพัฒนาสรรค์สร้างสังคมไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าสืบไป