เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 เวลา 10.30 น. ที่ศาลาเกาะใหญ่หนองทุ่งมน ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดนครพนม และเวลา 12.30น. ที่โรงเรียนท่าศรีไคลวิทยา ตำบลธาตุ อำเภอวานรนิวาส นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบสมุดประจำตัว ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าดงผาลาด” ตำบลธาตุ ตำบลคูสะคาม อำเภอวานรนิวาส และตำบลเจริญศิลป์ ตำบลทุ่งแก ตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร นายสมเกียรติ ถนอมกิตติ รองอธิบดีกรมที่ดิน รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอในพื้นที่ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสกลนคร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนผู้รับมอบ จำนวน 300 ราย เข้าร่วมพิธีฯ ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด
โครงการจัดที่ดินทำกินภายใต้นโยบายของรัฐบาล (คทช.) เป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบายและแผนบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินให้แก่ผู้ยากไร้ และเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและพัฒนาศักยภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศ จังหวัดสกลนครจึงได้จัดทำโครงการส่งมอบสมุดประจำตัว ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าดงผาลาด” ตำบลธาตุ ตำบลคูสะคาม อำเภอวานรนิวาส และตำบลเจริญศิลป์ ตำบลทุ่งแก ตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร จำนวนรวมทั้งสิ้น 993 เล่ม 914 ราย โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ แผนยุทธศาสตร์ เสริมสร้างพลังทางสังคม โครงการสนับสุน คทช. จังหวัด ในการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล จากคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน กรมที่ดิน
นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มามอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนฯ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ทราบว่าคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดสกลนคร ได้รับมอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าดงผาลาด” ท้องที่ตำบลธาตุ ตำบลคูสะคาม อำเภอวานรนิวาส และตำบลเจริญศิลป์ ตำบลทุ่งแก ตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร” จำนวน 1456 แปลง เนื้อที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ 15,506 ไร่ 2 งาน 09 ตารางวา เพื่อนำมาจัดสรรให้ประชาชนที่ด้อยโอกาส สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและ คทช. โดยมุ่งเน้นการดำเนินการในด้านการจัดที่ดินให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมซึ่งผู้ที่ได้รับคัดเลือก ผ่านความเห็นชอบจาก คทช.จังหวัดสกลนครแล้ว 1,351 แปลง และได้รับสมุดประจำตัวแล้ว จำนวน 993 เล่ม 914 แปลง เนื้อที่ 8,856 – 0 – 56 ไร่ ซึ่งการจัดพิธีมอบสมุดประจำตัววันนี้สำหรับพื้นที่ 2 อำเภอ ผ่านตัวแทนจำนวน 300 ราย
ประเทศไทยมีประชากรประกอบอาชีพภาคเกษตร 9 ล้านกว่าครัวเรือน 30-40 ล้านคน รัฐบาล โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร จึงมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีที่ดิน แต่ไม่เพียงพอ ช่วยให้มีที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต การดำเนินงานของ คทช.จังหวัด เพื่อจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนในครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือที่มีการทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเมื่อประชาชนได้ที่ดิน ได้สิทธิในที่ดิน ถึงแม้ว่าจะ ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่จะเป็นการสร้างความมั่นใจในการทำกินให้กับชุมชน สามารถทำกินในที่ดินผืนดังกล่าวได้โดยถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย ขอบคุณทุกองคาพยัพ และภาคีภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งท้องถิ่น ท้องที่ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชน ที่ต้องเดินไปด้วยกัน ทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่นแข็งขัน ตนมองว่าการมีที่ดินทำกินเป็นความมั่นคงในขีวิตของประชาชน เป็นการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นใจ ประชาชนไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดินของทางราชการ หลังจากนี้ขอให้พี่น้องประชาชนนำโฉนดที่ดินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือจะนำไปประกอบอาชีพ เพิ่มผลผลิตและรายได้ดูแลครอบครัว
สำหรับพี่น้องประชาชนชาวเกษตรกร ไม่เพียงแค่การจัดหาที่ดินให้ทำกิน รัฐบาลนี้ยังได้มีความพยายามออกมาตรการการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโนบายประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วย ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์ม โดยในงานมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ ผู้ประกอบอาชีพ ทำสวนยางพาราและทำนา จำนวน 2 ราย ทราบว่า ได้รับเงินส่วนต่างการปลูกข้าวนาปีและการทำสวนยางพารา จำนวนเงินร่วมกว่า 70,000 บาท ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเป็นไปเพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเป็นหลักประกันรายได้ขั้นต่ำในการประกอบ อาชีพการเกษตร สร้างความมั่นคงด้านอาหาร รักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้ขึ้นเป็นทะเบียนเกษตรกรให้ถูกต้องเพื่อเข้าถึงและรับการดูแลตามนโยบาย/มาตรการความช่วยเหลือต่าง ๆ ของราชการอย่างทั่วถึง นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง