ที่อาคารศรีเกียรติพัฒน์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวพบปะกับพี่น้อง และมวลชนในจังหวัดสงขลา ที่มาร่วมให้กำลังใจในการทำงานในวันสุดท้ายของการทำงานในตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และทีมผู้บริหาร อบจ.สงขลาซึ่งหมดวาระในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 พร้อมกับการแถลงนโยบายการทำงานของนายไพเจน มากสุวรรณ์ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา โดยทุกโครงการและทุกนโยบายของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้ยึดหลักประโยชน์สูงสุดของพี่น้องชาวสงขลาเป็นที่ตั้ง ทั้งเรื่องของถนน เรื่องของคุณภาพชีวิต เรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของการเกษตรซึ่ง นายกไพเจนได้ให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยการจัดตั้งกองเกษตรอบจ.สงขลา และเป็นแห่งแรกของประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของกีฬา เรื่องของสาธารณสุข และอีกหลายนโยบายที่ทำให้ตลอด 4 ปี สงขลามีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง และอย่างเป็นระบบกว่า 1,460 โครงการ ตลอดระยะเวลา 1,460 วัน ทำให้สงขลาเป็นเมืองต้นแบบของการพัฒนา ด้านนวัตกรรม และการบริการสาธารณะที่ยั่งยืน
นายกไพเจนกล่าวช่วงหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ได้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆให้สู่เป้าหมายอย่างเต็มที่ แม้บางโครงการที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ได้คาดไว้ เพราะมีหลายขั้นตอนของการทำงาน และเราก็เพิ่งที่ผ่านขั้นตอนที่หนึ่ง และขั้นตอนที่สองเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนต่างๆก็เป็นขั้นตอนทางด้านกฏหมาย ที่เทำให้ราไม่สามารถเข้าไปถึงจุดหมายที่ต้องการได้ และในส่วนที่สำเร็จลุล่วงสู่เป้าหมายก็ถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของการแก้ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาในเรื่องของภัยแล้งได้บางพื้นที่ และใรเรื่องของคุณภาพชีวิต เรื่องของสาธารณะสุข การท่องเที่ยว และในเรื่องของการกีฬา การจัดตั้งกองเกษตร ก็ได้ทำอย่างเต็มที่ตามกรอบงบประมาณ แต่บางโครงการยังคิดขัดในเรื่องของงบประมาณที่มีจำกัด จึงต้องทำตามศักยภาพของ อบจ.เท่าที่มี
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีบางโครงการที่อยากจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ โดยเฉพาะโครงการพิพิธภัณฑ์คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งยังติดในเรื่องของข้อกฏหมาย และในเรื่องของการขอใช้พื้นที่ เพื่อใหเป็นแหล่งท่องเที่ยวในคาบสมุทรสทิงพระ รวมถึง หอชมเมือง และสกายวอล์คคอหงส์หาดใหญ่ ก็อยากฝากให้กับผู้บริหารในยุคที่จะถึงนี้ ซึ่งก็ถือว่าจะเป็นประโยชนฺต่อพี่น้องปนะชาชนในอันที่จะ สร้างงสน สร้างรายได้ และสร้างเศรษญกิจ จึงอยากให้มีการประสานนโยบายในส่วนนี้
นายกไพเจนกล่าวต่อว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาตนได้ทำงานทุกวันแบบไม่มีวันหยุด ซึ่งถือว่าที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาแล้วอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงทีมผู้บริหาร ที่ปรึกษา และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการทุกท่าน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายต่างๆกันอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนได้ทำงานด้วยความระมัดระวัง อยู่ในกรอบและหน้าที่ตามที่กฏหมายกำหนด อยู่ในระเบียบดารจัดซื้อจัดจ้าง ระเบียบการเบิกจ่าย การใช้เงินของทางราชการ ซึ่งถ้ามีการผิดพลาดขึ้นมา ก็จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเดือดร้อนในตำแหน่งหน้าที่รายการ จึงต้อง มีความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ดังนั้นการเมืองก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ซึ่ง อบจ.ก็มีวาระ 4 ปี ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ และผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะเป็นผู้ที่ชาวบ้านเลือกเข้ามา เพื่อมาพัฒนาเมืองสงขลาให้มีความเจริญก้าวหน้า ให้เป็นเมืองที่มีจุดหมายในการทำธุระกิจ จุดกมายในการเนีบนการศึกษา จุดหมายในเรื่องของการรักษาพยาบาล อีกทั้งในเรื่องของกีฬาและการท่องเที่ยว ซึ่งข้าราชการทุกคนก็พร้อมใจกันอยู่แล้ว จึงอยากให้ร่วมกันทำงานเป็นทีมกับผู้บริหารชุดใหม่ที่เข้ามา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ จึงต้องช่วยกัน
ในส่วนของโครงการนั้นตนมองว่า โครงการไหนที่ดีก็น่าจะมีการสานต่อ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เราไม่ได้คำนึงว่านโยบายนี้ของใคร นโยบายที่ดีและประชาชนได้รับประโยชน์ก็ควรทำ เพราะเป้าหมายสุดท้ายที่เข้ามาทำงานนั้นก็คือเพื่อประชาชน