วันอังคาร, 24 ธันวาคม 2567

นราธิวาสยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่บ้านพักทหารในค่ายปิเหล็งยังคงเผชิญกับน้ำท่วมสูง แต่กำลังพลส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายลง

วันนี้ 1 ธันวาคม 2567 พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ลงพื้นที่ สหกรณ์นิคมปิเหล็ง และวัดปิเหล็ง สถานที่อพยพชั่วคราวของผู้ประสบอุทกภัย ในตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส แม้วันนี้น้ำมีปริมาณลดลงกว่า 3-4 วันก่อน แต่ในศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมปิเหล็งยังคงมีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 100 คน เนื่องจากถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาดมีเพียงเรือท้องแบนและเรือยางของหน่วยงานราชการเท่านั้น ที่จะคอยส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่มให้กับผู้ที่ยังติดค้างอยู่ด้านใน ซึ่งบรรยากาศภายในศูนย์อพยพชั่วคราว ได้มีหน่วยงานต่างๆ เข้าให้การช่วยเหลือ หน่วยทหารในพื้นที่ได้จัดรถครัวสนามพร้อมกำลังพลร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประกอบอาหารปรุงสุก จัดหาเครื่องดื่ม พร้อมอำนวยความสะดวกในด้านที่พักอาศัยชั่วคราวให้กับประชาชน โดยวันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำถุงยังชีพมอบให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ และยังคงอาศัยอยู่ภายในชุมชนอีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งปัญหาที่พบ มีเด็กและ คนชรา เริ่มมีอาการป่วยไข้ และยังคงขาดข้าวของเครื่องใช้จำเป็นบางรายการ จึงได้เร่งสั่งการหน่วยทำการจัดหาสิ่งของจำเป็น พร้อมแพทย์สนามมาให้บริการกับผู้อพยพในศูนย์พักพิงดังกล่าวแล้ว

และนอกจากพี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ กำลังพลเจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยต่างๆ ก็ประสบกับภัยพิบัติเช่นกัน ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) เป็นอีกหนึ่งค่ายทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นที่ตั้งของกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 และกรมทหารพรานที่ 48 ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน กำลังพลและครอบครัวหลายร้อยครัวเรือน ต้องรับมือกับภาวะน้ำที่ไหลทะลักเข้ามา ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องรับมือกับระดับน้ำที่หลากท่วมบ้านพักอาศัย และอาคารสำนักงาน แต่ถึงอย่างนั้นกำลังพลส่วนใหญ่ยังคงต้องออกไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ก่อนกลับมาปัดกวาดบ้านตัวเอง เพราะทุกข์ของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง รอไม่ได้ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาส่วนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไม่นิ่งดูดาย ลงพื้นที่ให้กำลังใจมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายลง ซึ่งหลังจากนี้เมื่อน้ำลดระดับลง จำเป็นจะต้องใช้กำลังทหาร เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ต่างๆในการเข้าฟื้นฟู ซ่อมสร้างบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เสียหายต่อไป

สรุปข้อมูลสถานการณ์ประจำวันในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ภาพรวมได้รับผลกระทบ จำนวน 13 อำเภอ 77 ตำบล 591 หมู่บ้าน 94,478 ครัวเรือน 332,682 คน บาดเจ็บ 1 ราย (นางเจ๊ะแย ตาเยะ อายุ 75 ปี) เสียชีวิต 2 ราย คือ (1.เด็กหญิงซาฟีรา ชารานา อายุ 12 ปี 2.นายริน แดงนำ อายุ 82 ปี) บ้านเรือน วัด มัสยิด โรงเรียน ส่วนราชการและถนนได้รับความเสียหาย รวมไปถึงพื้นที่ทางการเกษตร สวน ไร่นา สัตว์เลี้ยงทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ยังคงมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ทั้ง 3 ลุ่มน้ำดังกล่าวอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง