
เมื่อเวลา 21.10 น. ของคืนวันที่ 26 เมษายน 2568 ได้เกิดเหตุสุดสะเทือนใจในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุอุกอาจ ลอบขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ถึง 2 ลูก เข้าใส่ฐานย่อยของกองร้อยทหารพรานที่ 4602 สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เสียงระเบิดดังสนั่นกลางดึก สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในละแวกใกล้เคียง และที่เจ็บปวดที่สุดคือเหตุการณ์นี้ได้ทำให้ นายเจ๊ะยูโซ๊ะ เจ๊ะโก๊ะ อายุ 74 ปี ชายชราที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ กลับต้องมารับเคราะห์ถูกสะเก็ดระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลรือเสาะเป็นการด่วน อาการเบื้องต้นปลอดภัยแล้ว แต่จิตใจของครอบครัวและชุมชนยังสั่นคลอนไม่หายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุรุนแรงที่ไม่ควรเกิดกับใคร โดยเฉพาะกับผู้สูงวัยผู้ไร้ทางสู้เช่นนี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเหตุการณ์ที่ทำร้ายประชาชน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 กลุ่มก่อเหตุได้ลอบวางระเบิดหน้า “มินิบิ๊กซี บันนังสตา” ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อเนื่องด้วยเหตุลอบวางระเบิดสถานีตำรวจภูธรโคกเคียน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 ทำให้เด็กชายมุสลิมซึ่งกำลังเดินทางไปเรียนอัลกุรอานได้รับบาดเจ็บ รวมถึงประชาชนอีก 10 รายที่ได้รับผลกระทบ และในวันเดียวกันยังก่อเหตุลุกลามถึงการกราดยิงผู้คนขณะนั่งรับประทานอาหารหน้าบ้านในอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่ยากจะให้อภัย คือการลอบยิงพระสงฆ์และสามเณรระหว่างเดินทางไปบิณฑบาตร ส่งผลให้สามเณรวัยเพียง 16 ปีมรณภาพ และได้รับบาดเจ็บอีกหลายรูป ต่อเนื่องมาถึงเหตุล่าสุดเมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา ชายชราผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายจนได้รับบาด สิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือ ผู้เหตุรุนแรงเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่ทำร้ายชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังฉุดรั้งการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ความเจริญล่าช้ากว่าพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การศึกษา และความเป็นอยู่โดยรวมของประชาชนอย่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
อย่าให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเผชิญกับคลื่นความรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่า จากน้ำมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มุ่งหมายบ่อนทำลายความสงบสุขของประชาชนอย่างต่อเนื่อง สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเวลาแล้วที่สังคมคนไทยทุกภาคส่วนต้องร่วมกันลุกขึ้นประณามการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ไม่ให้มีพื้นที่สำหรับความโหดร้ายในแผ่นดินไทย เพื่อคืนความสงบสุขให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และเดินหน้าสู่อนาคตที่ปลอดภัยและมั่นคง