วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

กอ.รมน.ภาค 4 สน. รายงานความคืบหน้า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายผู้ต้องสงสัย เหตุเผาโรงโม่หินธนบดีศิลาในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา (เมื่อวันที่ 22 มี.ค.67)

วันนี้ 17 เมษายน 2567 เวลา 04.00 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดยะลา ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย เหตุเผาโรงโม่หินธนบดีศิลาในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 44/3 หมู่ที่ 5 ตำบลลิดล อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยมี นายฮาซัน สาเมาะ อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านตาโล๊ะ และนาย มะซูดี ดอสอลี ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านตาโล๊ะ เป็นพยานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในบ้านที่พักอาศัยและบริเวณโดยรอบ และจากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 1 กระบอก หมายเลขทะเบียน 316938 พร้อมเครื่องกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 8 นัด รวมทั้งได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 ราย ทราบชื่อ นายซากีริง คามีส อายุ 35 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 5 ตำบลลิดล อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นน้องชายเจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และนายสุฟยาน ดือเร๊ะ อายุ 26 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 60/3 หมู่ที่ 5 ตำบลลิดล อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่เชิญตัวไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัวและญาติของผู้สงสัย ให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ