วันนี้ (27 กรกฎาคม 2567) เวลา 04.00 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดปัตตานี ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่บ้านคลองช้าง ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนเพื่อเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ รวมถึงมีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุวางระเบิดโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล ตำบลป่าไร่ อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และเหตุวางระเบิดโรงไฟฟ้ารุ่งทิวาไบโอแมส บ้านปลักบ่อ ตำบลสะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการควบคุมพื้นที่ ประกอบกับพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นป่ารกทึบทำให้ยากต่อการปฏิบัติ จึงได้ปิดกั้นพื้นที่ไว้
ต่อมาเมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ติดอยู่ในวงล้อมเจ้าหน้าที่ ได้ขว้างระเบิดและเปิดฉากการยิงใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อพยายามหลบหนีออกมา เจ้าหน้าที่จึงได้สกัดกั้นและทำการยิงตอบโต้ ภายหลังการปฏิบัติพบเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ทราบชื่อ คือ 1. จ.ส.อ.ธนศักดิ์ บัวขาว สังกัด บก.ควบคุม 4 2. ร.ท.ธวัชชัย สุวรรณรัตน์ สังกัด บก.ควบคุม 4 และ 3. อส.ทพ. ณัฐพงศ์ ไชยวรรณ สังกัด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ปัจจุบันนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลโคกโพธิ์ และส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนในการปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามแนวทางสันติวิธี และเลือกที่จะใช้อาวุธเป็นมาตรการสุดท้ายในการป้องกันตนเอง แต่ยังคงเน้นย้ำให้ใช้การเจรจาเป็นหลัก รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ