วันอาทิตย์, 24 พฤศจิกายน 2567

กอ.รมน.ภาค 4 สน. รายงานความคืบหน้า เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายเชิญตัวผู้ต้องสงสัย เหตุคนร้ายลอบวางระเบิด จนท.ทพ. ในพื้นที่ ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อ 3 พ.ย.66 ที่ผ่านมา

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2567) เวลา 05.00 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดนราธิวาส ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายเพื่อตรวจสอบและติดตามบุคคลต้องสงสัย หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่าพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนในพื้นที่ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ขณะเดินทางกลับฐานปฏิบัติการพื้นที่บ้านเขาน้อย หมู่ที่ 1 ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบบ้านพักในพื้นที่ ตำบลบาโงสะโต และตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จากผลการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบและเชิญตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 ราย ทราบชื่อ คือ
1. นาย มูฮำหมัด เจ๊ะมิเน๊าะ ที่อยู่บ้านเลขที่ 9/4 หมู่ที่ 5 ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
2. นางสาว อาราณี ปูลาพะระเปะ ที่อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ที่ 4 ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
3. นาย มามะซอดี ตาเล๊ะ ที่อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ที่ 6 ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัวและญาติของผู้สงสัย เพื่อให้รับทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นางสาว อาราณีฯ นาย มูฮำหมัดฯ และ นายมามะซอดีฯ ไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ