วันพฤหัสบดี, 23 มกราคม 2568

กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จาก “ยกฟ้อง” เป็น “จำคุก”

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรมายอ จังหวัดปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายถังดับเพลิงประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ผูกติดใต้ท้องรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว ที่จอดอยู่ในโรงรถของบ้าน ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลถนน อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมพื้นที่และเคลื่อนย้ายบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านและบริเวณข้างเคียงให้ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบ วัตถุดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยบรรจุดินระเบิดไว้ในถังดับเพลิงขนาดเล็ก จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่จึงทำการเก็บกู้ไว้เป็นหลักฐานและดำเนินการรวบรวมหลักฐานวัตถุพยาน,หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อสืบสวนสอนสวนหาผู้กระทำผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป

จนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) พิพากษา “ยกฟ้อง” นายบูรฮาน (สงวนนามสกุล) จำเลย ความผิดฐานก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อชีวิต และ พระราชบัญญัติอาวุธปืนและวัตถุระเบิดฯ เนื่องข้อมูลหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามฟ้อง ทั้งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยคือ คนร้ายในคดีนี้ ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลย และปล่อยตัวจำเลยระหว่างอุทธรณ์
เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติมระหว่างอุทธรณ์ และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษา กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จาก “ยกฟ้อง” เป็น “จำคุก 35 ปี 12 เดือน” นายบูรฮาน (สงวนนามสกุล) จำเลย ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พระราชบัญญัติอาวุธปืนและวัตถุระเบิดฯ, ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง, ฐานร่วมกันมีวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เนื่องจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ตรงกับที่พบบนระเบิดแสวงเครื่อง อีกทั้งคำให้การของจำเลยในชั้นดำเนินกรรมวิธีซักถามสอดคล้องตรงกัน เชื่อได้ว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ จึงขังจำเลยระหว่างฎีกา

 ทุกข้อมูล ทุกเบาะแส ล้วนมีความสำคัญต่อการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแส หรือพบวัตถุต้องสงสัย รวมถึงบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง